CONDITIONAL SENTENCES
ประโยคเงื่อนไข คือ ประโยคที่แสดง “เงื่อนไข” และ “ผลอันเกิดจากเงื่อนไขนั้น”
นั่นคือ ประโยคที่ผู้พูดสมมติหรือคาดคะเนว่าถ้ามีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งตามมา เช่น ถ้าน้ำเดือดมันจะกลายเป็นไอ การกลายเป็นไออยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า “ถ้าน้ำเดือด” กล่าวคือถ้าน้ำเดือดมันจะกลายเป็นไอถ้าน้ำไม่เดือด มันก็จะไม่เป็นไอ
ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
1. If – clause (ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข)
2. Main clause (ส่วนที่เป็นผล)
เช่น
If John comes, Jenny will go. (ถ้า John มา Jenny จะไป)
ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) คือ If John comes
ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คือ Jenny will go
ลักษณะโครงสร้างของประโยค
If-clause, main clause หรือ
main clause if-clause
ข้อควรจำ
จะเอา If – clause หรือ Main clause ขึ้นต้นก่อนก็ได้ แต่
(1) ถ้าเอา If – clause ขึ้นต้น จะต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) หลัง If – clause
เช่น If John comes, Jenny will go.
(2) ถ้าเอา Main clause ขึ้นต้น ไม่ต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) หลัง Main clause
เช่น Jenny will go if John comes.
ไม่ว่าโครงสร้างของประโยคจะปรากฏเป็นแบบใด แต่กริยาของ if-clause และกริยาของ
main clause จะต้องสอดคล้องกันตามกฎเกณฑ์เสมอ
ประโยคเงื่อนไขแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
1. เงื่อนไขที่เป็นจริงเสมอและที่เป็นไปได้
2. เงื่อนไขสมมุติในปัจจุบัน
3. เงื่อนไขสมมุติในอดีต
1. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือคาดว่า
จะเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) ใช้ Present Simple (S+V1)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) ใช้ Future Simple (S+ will + V1)
เช่น If he works hard, he will pass the exam. หรือ
He will pass the exam if he works hard.
(ถ้าเขาทำงานหนักเขาจะสอบผ่าน = ตอนนี้ยังไม่ได้สอบแต่คาดว่าเขาจะต้องสอบผ่าน)
If they have enough money, they will buy a new house.หรือ
They will buy a new house if they have enough money.
(ถ้าพวกเขามีเงินเพียงพอพวกเขาจะซื้อบ้านใหม่ = ตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อแต่คาดว่าพวกเขาจะซื้อ)
2. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่อาจเป็นจริง หรือไม่จริง
ก็ได้หรือไม่อาจเป็นจริงได้เลย ใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันหรืออนาคต จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Simple (S+V2)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) ใช้กริยารูป conditional (would + V1)
เช่น If I got rich, I would travel around the world. หรือ
I would travel around the world if I got rich
(ถ้าฉันรวยฉันจะไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งที่จริงแล้วฉันอาจจะไม่ไปเที่ยวก็ได้)
If he were the governor, he would build a new public hall. หรือ
He would build a new public hall if he were the governor.
(ถ้าเขาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเขาจะสร้างหอประชุมใหม่)
นอกจากนี้แล้ว ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 อาจะจะมีการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาใน Main clause
ใน 2 กรณีต่อไปนี้ คือ
2.1 ใช้ might แทน would เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ และใช้ could แทน
would เพื่อแสดงความสามารถ โดยใช้โครงสร้างดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Simple (S+V2)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) กริยาจะเป็น might/could + V1
เช่น If he tried again, he might get the answer.
(ถ้าเขาพยายามอีกครั้งเขาอาจจะได้คำตอบ = อาจจะได้คำตอบหรือไม่ได้ก็ได้)
If I had a lot of money, I could lend you.
(ถ้าผมมีเงินมากผมสามารถให้คุณยืมได้ = อาจจะให้ยืมหรือไม่ให้ยืมก็ได้)
2.2 ถ้าคำกริยาใน Main clause เป็น Verb to be จะต้องใช้ were เพียงตัวเดียว
ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม โดยใช้โครงสร้างดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) คำกริยาจะเป็น were
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คำกริยาจะเป็น would + V1
เช่น If I were you, I would play with Sak.
(ถ้าผมเป็นคุณผมจะเล่นกับศักดิ์ = ไม่อาจเป็นไปได้เพราะผมไม่สามารถเป็นคุณได้)
3. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่ตรงข้ามกับความจริง
เพราะเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Perfect (S+had + V3)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คำกริยาจะเป็น would have + V3
เช่น
If they had known Note the Star, they would have invited her to the party.
(ถ้าพวกเขารู้จักนท the Star พวกเขาจะเชิญมาร่วมงานเลี้ยง ความจริงคือ พวกเขาไม่รู้จัก Note the Star)
ประโยคเงื่อนไข คือ ประโยคที่แสดง “เงื่อนไข” และ “ผลอันเกิดจากเงื่อนไขนั้น”
นั่นคือ ประโยคที่ผู้พูดสมมติหรือคาดคะเนว่าถ้ามีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งตามมา เช่น ถ้าน้ำเดือดมันจะกลายเป็นไอ การกลายเป็นไออยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า “ถ้าน้ำเดือด” กล่าวคือถ้าน้ำเดือดมันจะกลายเป็นไอถ้าน้ำไม่เดือด มันก็จะไม่เป็นไอ
ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
1. If – clause (ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข)
2. Main clause (ส่วนที่เป็นผล)
เช่น
If John comes, Jenny will go. (ถ้า John มา Jenny จะไป)
ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) คือ If John comes
ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คือ Jenny will go
ลักษณะโครงสร้างของประโยค
If-clause, main clause หรือ
main clause if-clause
ข้อควรจำ
จะเอา If – clause หรือ Main clause ขึ้นต้นก่อนก็ได้ แต่
(1) ถ้าเอา If – clause ขึ้นต้น จะต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) หลัง If – clause
เช่น If John comes, Jenny will go.
(2) ถ้าเอา Main clause ขึ้นต้น ไม่ต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) หลัง Main clause
เช่น Jenny will go if John comes.
ไม่ว่าโครงสร้างของประโยคจะปรากฏเป็นแบบใด แต่กริยาของ if-clause และกริยาของ
main clause จะต้องสอดคล้องกันตามกฎเกณฑ์เสมอ
ประโยคเงื่อนไขแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
1. เงื่อนไขที่เป็นจริงเสมอและที่เป็นไปได้
2. เงื่อนไขสมมุติในปัจจุบัน
3. เงื่อนไขสมมุติในอดีต
1. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือคาดว่า
จะเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) ใช้ Present Simple (S+V1)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) ใช้ Future Simple (S+ will + V1)
เช่น If he works hard, he will pass the exam. หรือ
He will pass the exam if he works hard.
(ถ้าเขาทำงานหนักเขาจะสอบผ่าน = ตอนนี้ยังไม่ได้สอบแต่คาดว่าเขาจะต้องสอบผ่าน)
If they have enough money, they will buy a new house.หรือ
They will buy a new house if they have enough money.
(ถ้าพวกเขามีเงินเพียงพอพวกเขาจะซื้อบ้านใหม่ = ตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อแต่คาดว่าพวกเขาจะซื้อ)
2. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่อาจเป็นจริง หรือไม่จริง
ก็ได้หรือไม่อาจเป็นจริงได้เลย ใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันหรืออนาคต จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Simple (S+V2)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) ใช้กริยารูป conditional (would + V1)
เช่น If I got rich, I would travel around the world. หรือ
I would travel around the world if I got rich
(ถ้าฉันรวยฉันจะไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งที่จริงแล้วฉันอาจจะไม่ไปเที่ยวก็ได้)
If he were the governor, he would build a new public hall. หรือ
He would build a new public hall if he were the governor.
(ถ้าเขาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเขาจะสร้างหอประชุมใหม่)
นอกจากนี้แล้ว ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 อาจะจะมีการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาใน Main clause
ใน 2 กรณีต่อไปนี้ คือ
2.1 ใช้ might แทน would เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ และใช้ could แทน
would เพื่อแสดงความสามารถ โดยใช้โครงสร้างดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Simple (S+V2)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) กริยาจะเป็น might/could + V1
เช่น If he tried again, he might get the answer.
(ถ้าเขาพยายามอีกครั้งเขาอาจจะได้คำตอบ = อาจจะได้คำตอบหรือไม่ได้ก็ได้)
If I had a lot of money, I could lend you.
(ถ้าผมมีเงินมากผมสามารถให้คุณยืมได้ = อาจจะให้ยืมหรือไม่ให้ยืมก็ได้)
2.2 ถ้าคำกริยาใน Main clause เป็น Verb to be จะต้องใช้ were เพียงตัวเดียว
ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม โดยใช้โครงสร้างดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) คำกริยาจะเป็น were
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คำกริยาจะเป็น would + V1
เช่น If I were you, I would play with Sak.
(ถ้าผมเป็นคุณผมจะเล่นกับศักดิ์ = ไม่อาจเป็นไปได้เพราะผมไม่สามารถเป็นคุณได้)
3. ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่ตรงข้ามกับความจริง
เพราะเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว จะมีลักษณะประโยคดังนี้
(1) ส่วนที่เป็นเหตุหรือเงื่อนไข (If – clause) Past Perfect (S+had + V3)
(2) ส่วนที่เป็นผล (Main clause) คำกริยาจะเป็น would have + V3
เช่น
If they had known Note the Star, they would have invited her to the party.
(ถ้าพวกเขารู้จักนท the Star พวกเขาจะเชิญมาร่วมงานเลี้ยง ความจริงคือ พวกเขาไม่รู้จัก Note the Star)